Topic
SET ESG Professionals Forum 2023: Together for Change (29 พ.ย. 66)
Update ! รับชมย้อนหลัง ได้ที่นี่
Update ! เอกสารประกอบการสัมมนา คลิกเพื่อ Download
ขอแสดงความนับถือ
ผู้จัดงานฯ
###############################################################
📌 สรุปการสัมมนา Visual Note
Opening and Welcome Remarks
Keynote Speech : Moving the Mountains for Sustainable Impact
Partners in Dialogue : A Talk Series about Collaborative Action for Our Common Future
Building Sustainable Partnerships for Resilient Value Chains
Decoding Taxonomy for Collaborative and Sustainable Transformation
Seizing the Climate Opportunity: Uniting for GHG Reduction Across the Value Chain
The Universe of Sustainability Disclosure Standards and Data User Expectations
Unleashing Potential: Bridging the Gap between Academic Institutes and the Capital Market
Sustainability Champions : C-Suite Insights on Driving Sustainable Change
ประเด็นสรุป
SET ESG PROFESSIONALS FORUM 2023: TOGETHER FOR CHANGE เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินการโดย SET ESG Academy ร่วมกับสมาชิก SET ESG Experts Pool จัดงาน SET ESG PROFESSIONALS FORUM 2023 ภายใต้แนวคิด TOGETHER FOR CHANGE ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเปิดการสัมมนา ในครั้งนี้ว่า ในโลกที่กำลังเผชิญความท้าทายที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลาดหลักทรัพย์ ให้ความสำคัญกับการสร้างคนที่มีความสามารถให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับเครื่องมือที่ดีที่มีอยู่ การมีเครือข่าย SET ESG Expert Pool ซึ่งเป็นคนทำงานที่มีประสบการณ์จากการลงมือทำจริง ที่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้ความรู้ถูกขยายออกไปในวงกว้าง และทำให้ทุกภาคส่วนตามทันกับความเปลี่ยนแปลง
“ESG เป็นเรื่องของทุกคน” ที่จะทำให้เกิดการผลักดันและขับเคลื่อนร่วมกัน เพื่อให้เกิด Ecosystem ในระดับสังคมและประเทศ
ศ. (พิเศษ) ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานอนุกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน อนุกรรมการตรวจสอบและอนุกรรมการกฎหมายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวปาถกฐาพิเศษในหัวข้อ Moving the Mountains for Sustainable Impact, Yes, We Can! ระบุว่า ในรอบปีที่ผ่านมา โลกและประเทศไทยเผชิญความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน จาก “โลกร้อน” (Global Warming) กลายเป็น “ยุคโลกเดือด” (Era of Global Boiling) ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ปกติ จึงทำให้เราต้องพยายามกันมากขึ้น ผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่จากทฤษฎี วันนี้เราได้เห็นของจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) การเกิดโรคอุบัติใหม่ วิกฤตความปลอดภัยทางอาหาร (Food Security) และยังมีวิกฤตซ้อนวิกฤตจากความขัดแย้งในหลายภูมิภาค ขณะที่มาตรการ CBAM หรือภาษีนำเข้าคาร์บอนของสหภาพยุโรปเริ่มบังคับใช้แล้ว ซึ่งส่งผลโดยตรงกับภาคธุรกิจต่างๆ ส่วนในประเทศไทยก็มี Taxonomy ซึ่งธนาคารพยายามกรอบแนวทาง (Framework) เพื่อทวนสอบให้มั่นใจว่ากิจกรรมนั้น ไม่ใช่ Greenwashing และจัดจำแนกว่ากิจกรรมใดขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นความท้าทาย ท่ามกลางวิกฤตและความเปลี่ยนแปลงก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมายถึง “การพลิกวิกฤตเป็นโอกาส” ผู้ประกอบการหลายรายสามารถพัฒนาธุรกิจใหม่ เปิดตลาดใหม่ จากโลกที่เปลี่ยนไป (Value Creation) และสร้างรายได้ที่มากกว่าเดิม เช่น การนำเอาขยะจากทะเลมาผลิตเป็นอะไหล่รถยนต์ และ Digital Platform ยิ่งปรับตัวได้เร็ว ก็ยิ่งเกิดประสิทธิภาพในการแข่งขัน การเข้าถึงแหล่งทุน และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ก่อน นอกจากนี้ ศ. (พิเศษ) ดร.กิตติพงษ์ ยังกล่าวถึง 3 เงื่อนไขที่จำเป็นต้องพิจารณาในการทำเรื่อง ESG ด้วยว่า
ความร่วมมือหนึ่งที่สำคัญคือ การมีสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนความรู้ทำเรื่องความยั่งยืนให้มีความจริงจังมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ยังมี ESG Academy ขับเคลื่อนความรู้ให้ขยายผล รวมถึง ESG Data Platform ที่จะช่วยทำให้ข้อมูลด้าน ESG เป็นแบบสากล เพื่อดูการปรับตัวของบริษัทและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ “ผมขอแสดงความยินดีกับสมาชิกเครือข่าย SET ESG Experts Pool ที่ร่วมกับ SET ในการจัดงานสัมมนาในวันนี้ รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพลังความร่วมมือเช่นนี้ในภาคตลาดทุน เชื่อว่าเหตุที่ดี ย่อมนำไปสู่ผลที่ดี และหวังว่าเครือข่ายจะขยายตัว และยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เพื่อไปเชื่อมต่อกับภาคส่วนอื่นๆ นำประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป” นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และองค์ความรู้ของสมาชิก SET ESG Experts Pool ตลอดปี 2566 แบ่งเป็น 5 ประเด็นสำคัญ ภายใต้หัวข้อ A Talk Series about Collaborative Action for Our Common Future ดังนี้
ปิดท้ายด้วยการสนทนาในหัวข้อ Sustainability Champions: C-Suite Insights on Driving Sustainable Change โดย พิลมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคลเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, ณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และ ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการสายงาน Corporate Strategy and Innovation Division ธนาคารกสิกรไทย จำกัด มหาชน ดำเนินการสนทนาโดย นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD โดยผู้ร่วมสนทนาระบุตรงกันว่าการขับเคลื่อนความยั่งยืนทั้งในมุมของสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) นั้น มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันยังไม่มีโครงสร้างองค์กรที่เป็นสูตรสำเร็จตายตัวในการขับเคลื่อนด้าน ESG ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดและโครงสร้างขององค์กรนั้นๆ เช่น ในองค์กรที่มีขนาดใหญ่มากอาจมี Chief Sustainability Officer ส่วนองค์กรขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีการบริหารจัดการและปรับตัวได้รวดเร็วกว่าองค์กรใหญ่ อาจไม่จำเป็นต้องมี Chief Sustainability Officer แต่มี CFO หรือ CSO เป็นผู้ขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนให้เป็นรูปธรรมได้เช่นกัน บทบาทของผู้บริหารในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร ต้องเป็น Key Player เข้าถึงได้ มีหน้าที่ ทำให้สำเร็จ (Perform) และ มองหาโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Transform) ภายใต้กฎกติกา มารยาท สาระสำคัญของการสนทนาครั้งนี้ คือ การขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนให้ทุกคนไปได้พร้อมกัน ต้องขับเคลื่อนจากผู้บริหารระดับสูง มีการผสานความยั่งยืนลงในธุรกิจ (Integration) มีการวัดผล (KPI) ร่วมกันทั้งองค์กร และในแต่ละระดับ ตลอดจนถึงการสร้าง DNA ให้กับพนักงาน เพื่อยกระดับทักษะและพัฒนาความรู้ด้าน ESG ของคนในองค์กรให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงร่วมกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในทิศทางเดียวกัน ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี และการทำงานเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnerships) ท้ายที่สุดไม่มีใครสามารถขับเคลื่อนประเด็นความยั่งยืนได้เพียงลำพัง การสร้างความร่วมมือ (Collaboration) เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดขึ้น ทั้งความร่วมมือภายในองค์กรในภาคส่วนต่างๆ ทั้งฝ่ายการเงิน การวางกลยุทธ์ การลงทุน การบริหารทรัพยากรบุคคล รวมถึงความร่วมมือจากภายนอกองค์กร ทั้งภาคธุรกิจ ภาคธนาคาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
|
ปี 2566
- เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ที่สมาชิก SET ESG Experts Pool ร่วมกันพัฒนาขึ้น ใน 5 ประเด็นที่เป็น Pain Points ของตลาดทุนไทย ได้แก่
- 1. Thailand Taxonomy ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Coming Soon!
- 2. Business and Climate Change/ GHG Reduction ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Coming Soon!
- 3. Sustainable Supply Chain Management (SSCM) ดูรายละเอียดเพิ่มเติม New!
- 4. Sustainability Disclosure Standard and Data ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Coming Soon!
- 5. Gap between Academic Institutes and the Capital Market ดูรายละเอียดเพิ่มเติม New!
- เพื่อตอกย้ำว่า ESG Professionals คือ ทุกคนในองค์กรที่ต้องร่วมมือกัน และเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญและกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก
- เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ให้เกิด Substance over form ที่แสดงให้เห็นว่า ESG Professionals สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่มีความหมาย (Meaningful Impact) ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้
- ซึ่งในปีนี้เอง SET ESG Academy ได้จัดทำ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินการโดย SET ESG Academy ร่วมกับสมาชิก SET ESG Experts Pool เครือข่ายบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน จัด SET ESG Professionals Forum ขึ้นเพื่อเป็นเวทีการรวมตัวที่ใหญ่ที่สุดของคนทำงานด้าน ESG (ESG Professionals) เพื่อร่วมสร้าง New ESG Professionals และขับเคลื่อนตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน และจะมีต่อเนื่องทุกปี
ที่มาและวัตถุประสงค์การจัดงาน
ปี 2565 (29 พฤศจิกายน 2565) จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้ความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านความยั่งยืน หรือ ESG Professionals ที่ได้มาตรฐาน เพียงพอและทันต่อความต้องการ เพื่อเสริมรากฐานและเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาด้านความยั่งยืนของตลาดทุนให้พร้อมรับมือกับความท้าทายรอบด้าน
ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำหน้าที่เป็น Platform กลางในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย ได้รับ Feedback จากผู้มีส่วนได้เเสียรอบด้านถึงความต้องการ โอกาสและการเติิบโตในเส้นทางอาชีพด้านความยั่งยืน หรือการเติมทักษะในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่อง ESG อยู่เสมอ และถี่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จึงได้ทำการศึกษาในประเด็น ESG Job Opportunities และ ESG Job Landscape ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทย และได้สรุปออกมาเป็น Diagram A และ B ตามภาพ