Topic

Why Carbon Market? The Series ตอนที่ 3 : บทบาทของบริษัทจดทะเบียนในตลาดคาร์บอน

 

ตอนที่ 1 ความสำคัญของตลาดคาร์บอน: กลไกสำคัญในการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ตอนที่ 2 บทบาทของนักลงทุนในการขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนและการเงินที่ยั่งยืน

ตอนที่ 3 บทบาทหลากหลายมิติของบริษัทจดทะเบียนในตลาดคาร์บอน

  • การกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์
  • การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ
  • การบูรณาการประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ
  • การจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้น

 


ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นวิกฤตระดับโลก บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ตลาดคาร์บอนและกลไกคาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (IPCC, 2022) [1]

 

แล้วบริษัทจดทะเบียนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดคาร์บอนในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ลดความเสี่ยง และสร้างมูลค่าในระยะยาวได้อย่างไร?

 

1. การกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์

การกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ หรือ Science-based Targets (SBTs) เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับบริษัทจดทะเบียนในการมีส่วนร่วมกับตลาดคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความมุ่งมั่นขององค์กร แต่ยังเป็นเข็มทิศนำทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน

 

ความสำคัญของเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์

เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือ Science-Based Targets (SBTs) เป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับระดับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จำเป็นเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2°C หรือในอุดมคติคือ 1.5°C เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

  • บริษัทควรใช้แนวทางของ Science Based Targets initiative (SBTi) เพื่อกำหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส (SBTi, 2023)[2]
  • ซึ่งกระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ ดังนี้:
  1. การประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปัจจุบันขององค์กร (Baseline Emission)

     

  2. การวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจและผลกระทบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  3. การกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวที่สอดคล้องกับแนวทางของ SBTi

  4. การพัฒนาแผนปฏิบัติการ (Net Zero Pathway) เพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนด

 

ประโยชน์ของการกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์

  • สร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

  • เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน

  • เตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต


  • การวัดและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การมีระบบการวัดและรายงานที่แม่นยำและครอบคลุมเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทต้องพัฒนาระบบที่สามารถติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง Scope 1, 2 และ 3 ตามมาตรฐาน Greenhouse Gas Protocol หรือเทียบเท่า ซึ่งรวมถึง:
    1. Scope 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากกิจกรรมขององค์กร
    2. Scope 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้า
    3. Scope 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า

 

 การวัดและรายงานที่ครอบคลุมจะช่วยให้บริษัทสามารถระบุแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ กำหนดมาตรการลดการปล่อยที่มีประสิทธิภาพ และติดตามความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมาย 

 

  • การเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ: ความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย บริษัทควรเปิดเผยข้อมูลตามกรอบการรายงานของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) (TCFD, 2023)[4] ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญ 4 ด้าน:
    1. การกำกับดูแล (Governance)
    2. กลยุทธ์ (Strategy)
    3. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
    4. เป้าหมายและตัวชี้วัด (Targets & Indicators)

 

การเปิดเผยข้อมูลตามแนวทาง TCFD จะช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจวิธีการที่บริษัทจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืน

การกำหนดเป้าหมาย การวัดและรายงาน และการเปิดเผยข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิผล และนำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว

 

2. การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนภาคบังคับและภาคสมัครใจ

บริษัทจดทะเบียนสามารถมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนได้ทั้งในระบบภาคบังคับและภาคสมัครใจ ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของแต่ละประเทศ การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนทั้งสองรูปแบบนี้เปิดโอกาสให้บริษัทสามารถบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพทางต้นทุน (World Bank, 2023)[5]

  • ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ: 
    •  
      1. การได้รับการจัดสรรหรือประมูลสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
      2. การติดตามและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประจำปี
      3. การส่งมอบสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เท่ากับปริมาณการปล่อยจริง
      4. การซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ

 

  • ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (ต่อ): บริษัทสามารถเข้าร่วมในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) (Ecosystem Marketplace, 2023)[6] การมีส่วนร่วมในตลาดนี้มีขั้นตอนดังนี้:
    1. การประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต้องการชดเชย
    2. การเลือกโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากล
    3. การซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการที่เลือก
    4. การยกเลิก (Retire) คาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินการเพื่อลดผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศได้นอกเหนือจากข้อกำหนดทางกฎหมาย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

  • การพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจก: บริษัทสามารถพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรหรือในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างคาร์บอนเครดิตที่สามารถขายในตลาดคาร์บอนได้ (Gold Standard, 2023)[7] ตัวอย่างโครงการเหล่านี้รวมถึง: (แทรกหน้ารูปแบบโครงการ WBSCD, Nature-based Climate Solutions)
    1. โครงการพลังงานหมุนเวียน
    2. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
    3. โครงการปลูกป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศ
    4. โครงการจัดการของเสียและน้ำเสีย

การพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกไม่เพียงแต่สร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต แต่ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

 

3. การบูรณาการตลาดคาร์บอนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ

การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนไม่ควรเป็นเพียงการปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครอบคลุม การบูรณาการตลาดคาร์บอนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กร (McKinsey & Company, 2023)[8]

  • การประเมินความเสี่ยงและโอกาส: บริษัทควรประเมินความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและนโยบายคาร์บอน เพื่อปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสม การประเมินนี้ควรครอบคลุมประเด็นต่างๆ เช่น:

    1. ผลกระทบของนโยบายคาร์บอนต่อต้นทุนการดำเนินงาน
    2. การเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    3. โอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    4. ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง

#การประเมินความเสี่ยงและโอกาสอย่างรอบด้านจะช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

  • การลงทุนในเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ: บริษัทควรพิจารณาการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนในระยะยาวแล้ว ยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ (International Energy Agency, 2023)[9] ตัวอย่างการลงทุนเหล่านี้รวมถึง:

    1. การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในกระบวนการผลิต
    2. การติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียนในสถานประกอบการ
    3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำ
    4. การลงทุนในเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage)

#การลงทุนในเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ

  • การสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน: บริษัทควรทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า (World Economic Forum, 2023)[10] แนวทางในการสร้างความร่วมมือนี้อาจรวมถึง:

    1. การกำหนดมาตรฐานด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับซัพพลายเออร์
    2. การสนับสนุนซัพพลายเออร์ในการพัฒนาแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    3. การร่วมลงทุนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกกับพันธมิตรทางธุรกิจ
    4. การแบ่งปันความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

#การสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาพรวม แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

การบูรณาการตลาดคาร์บอนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าในระยะยาว ลดความเสี่ยง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

4. ความท้าทายและแนวทางการแก้ไข

แม้ว่าการมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนจะมีประโยชน์มากมาย แต่บริษัทจดทะเบียนก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การเข้าใจและจัดการกับความท้าทายเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ

 

4.1 ความซับซ้อนของกฎระเบียบ: กฎระเบียบเกี่ยวกับตลาดคาร์บอนมักมีความซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจสร้างความสับสนและเพิ่มต้นทุนในการปฏิบัติตาม (World Bank, 2023)[11]

แนวทางการแก้ไข:

  1. บริษัทควรลงทุนในการพัฒนาความเชี่ยวชาญภายในองค์กร โดยการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบตลาดคาร์บอน
  2. การร่วมมือกับที่ปรึกษาภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้เข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างถูกต้อง
  3. การมีส่วนร่วมในสมาคมอุตสาหกรรมหรือเครือข่ายความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่ดี

 

4.2 ความผันผวนของราคาคาร์บอน: ราคาคาร์บอนในตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อการวางแผนทางการเงินของบริษัท (Carbon Pulse, 2023)[12]

แนวทางการแก้ไข:

  1. การใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง เช่น การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) เพื่อล็อกราคาคาร์บอนในอนาคต
  2. การกระจายการซื้อคาร์บอนเครดิตหรือสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา
  3. การลงทุนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรเพื่อลดการพึ่งพาตลาดภายนอก

 

4.3 การรับรองคุณภาพของคาร์บอนเครดิต: คุณภาพของคาร์บอนเครดิตเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดภาคสมัครใจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในเรื่องของความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของการลดก๊าซเรือนกระจก (Carbon Credit Quality Initiative, 2023)[13]

แนวทางการแก้ไข:

  1. บริษัทควรเลือกใช้มาตรฐานการรับรองที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น Verified Carbon Standard (VCS) หรือ Gold Standard
  2. การตรวจสอบโครงการที่สร้างคาร์บอนเครดิตอย่างละเอียด รวมถึงการเยี่ยมชมโครงการ (ถ้าเป็นไปได้) เพื่อประเมินผลกระทบที่แท้จริง
  3. การใช้บริการของบุคคลที่สามในการตรวจสอบและรับรองคุณภาพของคาร์บอนเครดิต

 

4.4 การสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: การสื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ แต่อาจเป็นเรื่องท้าทายเนื่องจากความซับซ้อนของหัวข้อ (GreenBiz, 2023)[14]

แนวทางการแก้ไข:

  1. บริษัทควรพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารที่โปร่งใสและครอบคลุม โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
  2. การใช้การเล่าเรื่อง (Storytelling) เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกของการมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอน
  3. การเปิดเผยข้อมูลอย่างสม่ำเสมอผ่านรายงานความยั่งยืนและการสื่อสารอื่นๆ
  4. การจัดกิจกรรมให้ความรู้และการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น การจัดสัมมนาหรือเวิร์คช็อป

 

4.5 การจัดการกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น: การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนอาจนำไปสู่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัท (McKinsey & Company, 2023)[15]

แนวทางการแก้ไข:

  1. การมองการลงทุนในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะสร้างผลตอบแทนในอนาคต
  2. การบูรณาการต้นทุนคาร์บอนเข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การใช้ราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Pricing)
  3. การมองหาโอกาสในการลดต้นทุนผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากร
  4. การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

 

บทสรุป

ภาคธุรกิจโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมาก การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทดำเนินการตามแนวทาง Science-base และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจในระยะยาวได้ด้วย

ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ การวางแผนการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ และการบูรณาการประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ล้วนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ 

แม้จะมีความท้าทายระหว่างการไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่มากมาย แต่การสร้างโอกาสเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน การสร้างนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งทุนและความร่วมมือจากองค์กรอื่น ๆ จากตลาดคาร์บอนมิอาจประเมินมูลค่าได้ 

การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนจึงไม่ใช่เพียงเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่เป็นโอกาสสำคัญในการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง บริษัทที่สามารถนำการมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักทางธุรกิจได้ จะเป็นผู้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดี และอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคนแน่นอน

 

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่ ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตาม ตลาดคาร์บอนเป็นเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นข้อมูลบางส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต 

 

เขียนโดย

ทยุต สิริวรการวณิชย์
SET ESG Academy 
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


เอกสารอ้างอิง (References): 

[1] IPCC. (2022). Climate Change 2022: Mitigation of Climate Change. https://www.ipcc.ch/report/ar6/wg3/

[2] Science Based Targets initiative (SBTi). (2023). How it works. https://sciencebasedtargets.org/how-it-works

[3] Greenhouse Gas Protocol. (2023). Corporate Standard. https://ghgprotocol.org/corporate-standard

[4] Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD). (2023). About. https://www.fsb-tcfd.org/about/

[5] World Bank. (2023). Carbon Pricing Dashboard. https://carbonpricingdashboard.worldbank.org/

[6] Ecosystem Marketplace. (2023). State of the Voluntary Carbon Markets 2022. https://www.ecosystemmarketplace.com/publications/state-of-the-voluntary-carbon-markets-2022/

[7] Verra. (2023). Verified Carbon Standard. https://verra.org/programs/verified-carbon-standard/

[8] McKinsey & Company. (2022). The net-zero transition: What it would cost, what it could bring. https://www.mckinsey.com/capabilities/sustainability/our-insights/the-net-zero-transition-what-it-would-cost-what-it-could-bring

[9] International Energy Agency. (2023). Net Zero by 2050. https://www.iea.org/reports/net-zero-by-2050

[10] World Economic Forum. (2023). First Movers Coalition. https://www.weforum.org/first-movers-coalition

[11] International Carbon Action Partnership. (2023). Emissions Trading Worldwide: Status Report 2023. https://icapcarbonaction.com/en/publications/emissions-trading-worldwide-2023-icap-status-report

[12] Carbon Pulse. (2023). Carbon Markets. https://carbon-pulse.com/category/carbon-markets/

[13] Gold Standard. (2023). Develop a Project. https://www.goldstandard.org/project-developers/develop-project

[14] CDP. (2023). Climate Change. https://www.cdp.net/en/climate

[15] Science Based Targets initiative. (2023). Companies Taking Action. https://sciencebasedtargets.org/companies-taking-action

[16] United Nations Global Compact. (2023). Climate Action. https://www.unglobalcompact.org/what-is-gc/our-work/environment/climate

[17] World Resources Institute. (2023). Corporate Climate Action. https://www.wri.org/initiatives/corporate-climate-action

[18] Carbon Trust. (2023). Resources. https://www.carbontrust.com/resources

[19] Environmental Defense Fund. (2023). Climate and Energy. https://www.edf.org/climate

[20] Climate Action 100+. (2023). About. https://www.climateaction100.org/about/