Topic
Carbon Footprint ตอนที่ 4
ในตอนนี้จะนำตัวอย่างบริษัทที่มีการวัด Carbon footprint baseline กำหนดเป้าหมายที่จะลด Carbon footprint ดังกล่าว รวมทั้งกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ได้แก่ บริษัท Nestle โดยอ้างอิงจากเอกสารเผยแพร่ Nestle’s Net Zero Roadmap (March 2023) ซึ่งสามารถนำมาสรุปและนำเสนอเป็นบทความได้หลายตอนต่อจากนี้
1. Carbon footprint baseline และการกำหนดเป้าหมาย
ภายใต้กระแสการทำธุรกิจที่ต้องดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจใดที่ไม่สนใจและไม่ดำเนินการได้ดีพอจะกลายเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของธุรกิจ ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มขนาดใหญ่ของโลก Nestle ตระหนักดีว่าตนเองมี Size, scale, influence ในการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดภาวะโลกร้อน
จากข้อมูลและแผนงานที่จะได้กล่าวถึงต่อไปทำให้ Nestle กล้าที่จะประกาศว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) ลงไป 50% ภายในปี 2030 เทียบกับระดับ GHGs ที่ปล่อยไปในปี 2018 และประกาศให้บริษัทอยู่ในลักษณะ Net zero ภายในปี 2050 ซึ่งในการทำงานเพื่อลดระดับ Carbon footprint จะต้องทำให้เกิดขึ้นตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่คู่ค้าไปจนถึงลูกค้าและผู้บริโภค (รวมตลอด Upstream และ downstream)
การวัด Baseline ของการปล่อย Carbon footprint ในปี 2018 ทำให้ทราบว่า Nestle มีการปล่อย GHGs สูงถึง 92 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยมาจากแหล่งต่าง ๆ ดังนี้
- การจัดหาวัตถุดิบ 65.6 ล้านตันCO2e
- การผลิตสินค้า 7.0 ล้านตันCO2e
- การบรรจุหีบห่อ 11.0 ล้านตัน CO2e
- การขนส่ง 7.5 ล้านตันCO2e
- การเดินทางของพนักงาน 0.8 ล้านตันCO2e
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว เกิดจากกระบวนการภายในของ Nestle เองเพียง 5% และเกิดจากภายนอก เช่น Suppliers และลูกค้ารวมกันถึง 95% โดยแสดงสัดส่วนได้ดังนี้
- Scope1 : ปล่อย GHGs โดยตรง 3.0%
- Scope2 : ปล่อย GHGs ทางอ้อม(บริษัท) 2.2%
- Scope3 : ปล่อย GHGs ทางอ้อม(อื่น ๆ) 94.8%
จากระดับของ Carbon footprint baseline ดังกล่าว ทำให้ Nestle กำหนดเป้าหมายการลด Carbon footprint ลงดังนี้
- ภายในปี 2025 จะลดระดับการปล่อย GHGs ลง 20% เมื่อเทียบกับ Carbon footprint baseline ปี 2018
- ภายในปี 2030 จะลดระดับการปล่อย GHGs ลง 50% เมื่อเทียบกับ Carbon footprint baseline ปี 2018
- ภายในปี 2050 จะบรรลุระดับ Net zero คือระดับการปล่อยและดูดกลับ GHGs หักล้างกันพอดี
2. Milestones สำหรับ Carbon footprint reduction
- วัตถุดิบจาก Suppliers ต้องมีลักษณะไม่ทำลายป่า หรือ Deforestation free 100% ภายในปี 2022
- การใช้ยานพาหนะต้องมีลักษณะ Lower emission option ภายในปี 2022
- การใช้วัตถุดิบประเภท Palm oil, cocoa, coffee ต้องได้รับ Sustainable certification 100% ภายในปี 2025
- โรงงานทุกแห่งของ Nestle จะต้องใช้พลังงานจาก Renewable electricity 100% ภายในปี 2025
- การบรรจุหีบห่อจะต้องใช้วัสดุ Recycle หรือ Reuse ทั้งหมด 100% ภายในปี 2025
- วัตถุดิบทางการเกษตรที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักไม่น้อยกว่า 20% จะต้องมาจากการเกษตรแบบ Regenerative agricultural methods ภายในปี 2025
- ตัดการใช้ Virgin plastic ลง 1 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้ทั้งหมดภายในปี 2025
ทั้งนี้เพื่อเร่งให้มีการขยายขนาด (Scaling up) ให้ได้ผล Nestle จำเป็นจะต้องลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยีและโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Low carbon issues มากขึ้น เช่น
- การใช้ Renewable thermal energy มากขึ้นในกระบวนการผลิต
- โครงการปลูกต้นไม้ 200 ล้านต้น ภายในปี 2030
- โครงการส่งเสริม Regenerative agricultural methods
ที่มา : Nestle’s Net Zero Roadmap, March 2023
บทความโดย
รศ.(พิเศษ)ดร.กฤษฎา เสกตระกูล
ที่ปรึกษา
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย