Topic

Carbon Footprint ตอนที่ 8

บทความตอนนี้เป็น ตอนที่ 5 และถือว่าเป็นตอนสุดท้าย ที่จะได้นำกรณีศึกษาของบริษัท Nestle ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายและ Key actions ในการลดการปล่อย Carbon footprint โดยในตอนนี้จะกล่าวถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ได้แก่ การใช้พลังงานทดแทนในการผลิต การขนส่งแบบสะอาดในระบบ Logistics 

1. การลด Carbon footprint ด้วยการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นในการผลิต

การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลด Carbon footprint ได้แต่ยังไม่เพียงพอ แต่การใช้พลังงานทดแทน หรือ Renewable energy จะช่วยลดการใช้ Fossil energy ซึ่งก่อปัญหา Carbon footprint ได้มากกว่า จากข้อมูลในปี 2018 กระบวนการผลิตของ Nestle ใช้พลังงานทดแทนเท่ากับ 34.5% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และตามเป้าหมายจะต้องให้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 100% ของไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2025 การใช้พลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นนี้ถือว่า Nestle เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขยาย Market demand ช่วยส่งเสริมให้เกิด Suppliers ด้านพลังงานทดแทนที่จะลงทุนในด้าน Renewable energy infrastructure เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ผู้ผลิต Wind farms และ Solar farms เป็นต้น

นอกจากนี้ Nestle ยังวางแผนที่จะหาและใช้แหล่งพลังงานทดแทนอื่น ๆ เช่น พลังงานความร้อน และพลังงานชีวภาพ เป็นต้น

ในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินงาน Nestle ได้กำหนดให้มีการใช้หลอดไฟ LED เพื่อประหยัดพลังงาน และวางแผนยกเลิกการใช้อุปกรณ์ทำความเย็นที่อยู่ในข่าย Hig global warming potential (GWP) เช่น มีสาร Hydrofluorocarbons สูงเกินไป และทดแทนด้วยอุปกรณ์ทำความเย็นที่มีมาตรฐาน Zero GWP หรือ Low GWP เป็นต้น

ภายในปี 2030 Nestle ตั้งเป้าการลด Carbon footprint จากกิจกรรมการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งจะช่วยให้ลดลงได้ 5.9 ล้านตัน CO2e โดยมาจาก

  • การเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ช่วยลด Carbon footprint ลง 2.7 ล้านตัน CO2e
  • การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพ ช่วยลด Carbon footprint ลง 1.8 ล้านตัน CO2e
  • การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงาน ช่วยลด Carbon footprint ลง 0.7 ล้านตัน CO2e
  • การลดกิจกรรมการปล่อยเชื้อเพลิงและพลังงาน (FERRA : fuel and energy related activities) ช่วยลด Carbon footprint ลง 0.7 ล้านตัน CO2e
  • การลดขยะจากการจัดการพลังงาน ช่วยลด Carbon footprint ลง 0.04 ล้านตัน CO2e


2. การลด Carbon footprint จากกระบวนการ Cleaner logistics
 

การขนส่งในทุกกระบวนการทำธุรกิจตลอด Value chain ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ล้วนแต่ส่งผลต่อการปล่อย Carbon footprint ขององค์กร การเปลี่ยนแปลงให้เกิดและใช้ Clean and smart transportation จะมีส่วนช่วยให้ลดระดับ Carbon footprint ลงได้ โดยอาจพิจารณาตั้งแต่เรื่อง การใช้พื้นที่บนยานพาหนะให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในการขนส่ง การใช้พลังงานอย่างประหยัด และการหันมาใช้พลังงานสะอาดในการขนส่งให้มากขึ้น เป็นต้น

ใน Distribution centers ของ Nestle มีการใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น

  • การลดการใช้พลังงาน
  • การเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
  • การใช้อุปกรณ์ทำความเย็นที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน
  • การเปลี่ยนเครื่องจักรรุ่นเดิมที่ใช้พลังงานจาก Fossil fuels


จากการมีนโยบาย เป้าหมายและทำกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ใน Top 100 ของ Distribution centers ของ Nestle สามารถลดการปล่อยก๊าซ GHGs ระหว่างปี 2016-3020 ลงได้ 40%

Key actions ด้านขนส่งของ Nestle กำหนดว่าภายในปี 2022 ยานพาหนะทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนให้มี Lower emission options ตามมาตรฐาน EURO V, VI 

ในด้าน Logistics suppliers มีการขอความสนับสนุนให้ทำการขนส่งสะอาด หรือ lower carbon emissions เช่น การใช้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน รถไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานชีวภาพ เป็นต้น

ในด้านเป้าหมาย การลดการปล่อย Carbon footprint จากกิจกรรม Logistics transportation Nestle ตั้งเป้าลด Carbon footprint ลดลง 3.5 ล้านตัน CO2e ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับของปี 2018 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ลด Carbon footprint ลง 1.4 ล้านตัน CO2e จากการนำ Electric trucks มาใช้ในเส้นทางระยะสั้น
  • ลด Carbon footprint ลง 0.6 ล้านตัน CO2e จากการนำ Electric trucks มาใช้ในเส้นทางระยะยาว
  • การบริหารจัดการการขนส่งสินค้าที่มีหลายรูปแบบและผู้ให้บริการหลายราย (Intermodal transport) โดยบริหารให้เกิด lose carbon emissions ซึ่งคาดว่าจะช่วยลด Carbon footprint ลง 0.5 ล้านตัน CO2e
  • การบริหารยานพาหนะให้ขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลด Carbon footprint ลง 0.4 ล้านตัน CO2e
  • การนำ Hydrogen-powered trucks เข้ามาใช้ คาดว่าจะช่วยลด Carbon footprint ลง 0.3 ล้านตัน CO2e
  • การยกเลิกยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลและยานพาหนะตามมาตรฐาน EURO 4 คาดว่าจะช่วยลด Carbon footprint ลง 0.1 ล้านตัน CO2e
  • การนำ Biogas trucks เข้ามาใช้ คาดว่าจะช่วยลด Carbon footprint ลง 0.07 ล้านตัน CO2e
  • การปรับปรุงประสิทธิภาพของ Ocean freight จะช่วยลด Carbon footprint ลง 0.05 ล้านตัน CO2e
  • การหันมาใช้การเดินทางเป็นระบบรางและการบริหารจัดการ Air freight คาดว่าจะช่วยลด Carbon footprint ลงรวม 0.042 ล้านตัน CO2e

 

ที่มา : Nestle’s Net Zero Roadmap, March 2023

บทความโดย
รศ.(พิเศษ)ดร.กฤษฎา เสกตระกูล
ที่ปรึกษา
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 
 
------------------------------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง
 

Carbon Footprint ตอนที่ 1: วิธีการลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGS) Click

Carbon Footprint ตอนที่ 2: วิธีการต่าง ๆ ที่พยายามลด Carbon Footprint Click

Carbon Footprint ตอนที่ 3: การวัด Carbon Footprint Click

 

Carbon Footprint ตอนที่ 4: ตัวอย่างบริษัทที่มีการวัด Carbon footprint baseline Click

Carbon Footprint ตอนที่ 5: Key actions ของ Nestle Click

Carbon Footprint ตอนที่ 6: การจัดการดินและป่าไม้ของ Nestle Click

 

Carbon Footprint ตอนที่ 7: เป้าหมายในการลด Carbon footprint Click

Carbon Footprint ตอนที่ 8: กระบวนการที่เกี่ยวข้องของ Nestle Click

Coming Soon