Topic
พลิกเกมลงทุน ส่องโอกาสทำกำไรจาก 8 อุตสาหกรรมในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
โดย ฝ่ายพัฒนาความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทุกวันนี้เราอาจได้ยินคำว่า "Net Zero" หรือ "Decarbonization" บ่อยขึ้น
แต่เคยสงสัยไหมว่า เรื่องเหล่านี้...เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นของท่านอย่างไร?
คำตอบคือ เกี่ยวข้องโดยตรงและสำคัญมาก
ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ธุรกิจที่ไม่ใส่ใจเรื่องการลดคาร์บอน ก็เหมือนกับธุรกิจที่ปฏิเสธการใช้คอมพิวเตอร์ในอดีต คือมีความเสี่ยงที่จะตกขบวน และแข่งขันไม่ได้ในที่สุด ในทางกลับกัน บริษัทที่รู้จักลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) นอกเหนือจากการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการลงทุนที่มองการณ์ไกล ซึ่งช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงในอนาคต สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อราคาหุ้นและผลตอบแทนของผู้ลงทุนในระยะยาว
สิ่งที่คุณจะได้รับจากบทความนี้ (Highlights)
- โอกาสประเมินพอร์ตการลงทุน: ปัจจุบันการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อลดคาร์บอนของบริษัทต่าง ๆ ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องใช้ประเมิน "ความเสี่ยง" และ "โอกาส" ของหุ้นในพอร์ตของตนเอง
- ตัวอย่างการวิเคราะห์การลงทุน: นำเสนอแนวทางการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ จำแนกตาม 8 กลุ่มอุตสาหกรรมของตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกรอบการประเมินที่นำไปปรับใช้ได้จริง
- เจาะลึกเทคโนโลยีและโอกาสทางธุรกิจ: ประเมินความพร้อมและความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีลดคาร์บอนที่สำคัญในแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมตัวอย่างแนวทางของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่ปรับตัวสร้างความได้เปรียบ
- มุมมองของผู้ลงทุนสถาบัน: สำรวจแนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและแผนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Plan) ของบริษัทที่ผู้ลงทุนสถาบันและธนาคารพาณิชย์ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อและจัดสรรเงินลงทุน
- ความรับผิดชอบของผู้ลงทุน: แนวทางการวิเคราะห์หลักทรัพย์ และการซักถามผู้บริหาร (Engagement) เพื่อพิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์ (Stewardship) จากเงินลงทุน และประเมินความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
สภาพแวดล้อมใหม่ของการลงทุน – เมื่อการขับเคลื่อนของภาครัฐส่งผลต่อรายได้ธุรกิจ
ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนที่ผู้ลงทุนไม่อาจมองข้าม เมื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Decarbonization) ได้กลายเป็นต้นทุนและความเสี่ยงทางธุรกิจที่สร้างผลกระทบในเชิงตัวเลขทางการเงินในประเทศไทยแล้ว แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของกฎหมายและนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะ (ร่าง) พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะนำไปสู่กลไกภาคบังคับอย่าง ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกำไรขาดทุนของบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม
-
- [ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ ผลกระทบของกลไกภาคบังคับดังกล่าวกับธุรกิจไทย ได้ที่ LINK]
นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวยังกระทบต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกมาตรฐาน Thailand Taxonomy ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางแบบใหม่ในการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นกรอบให้สถาบันการเงินใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อและประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศของพอร์ตลงทุน รวมถึงให้ภาคธุรกิจใช้เป็นแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
เพื่อให้ความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจเกิดประสิทธิผลที่สุด ทางสำนักงาน กลต. จึงยกระดับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนสู่ มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนสากล (ISSB Standards) ได้แก่ IFRS S1 และ IFRS S2 มาปรับใช้ ซึ่งจะทำให้การเปิดเผย ‘ข้อมูลทางการเงิน’ และ ‘ข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ’ เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ โดยข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็นข้อมูลภาคบังคับในอนาคตอันใกล้
ดังนั้น บทความนี้จึงช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้ลงทุนฝึกแนวทางการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสจากเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำใน “ข้อมูลงบการเงิน” ของธุรกิจใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้มีกรอบวิเคราะห์ที่ชัดเจนในการประเมินมูลค่ากิจการและตัดสินใจลงทุนในสภาพแวดล้อมใหม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงบริบทการดำเนินธุรกิจคือปัจจัยกำหนดความสามารถในการแข่งขันและความอยู่รอดของธุรกิจ
เจาะลึกความเสี่ยงและโอกาสใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม
🎯กลุ่มที่ 1: เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (Agro & Food Industry)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
กลุ่มอุตสาหกรรมนี้เผชิญความเสี่ยงทั้งทางกายภาพและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านโดยตรง ความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risk) เกิดจากความผันผวนของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ขณะที่ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risk) มาจากแรงกดดันหลายมิติ ทั้งการปล่อยก๊าซมีเทนจากภาคปศุสัตว์ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการควบคุม ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นในโรงงานแปรรูป และความต้องการของผู้บริโภคและคู่ค้าในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับอาหารที่ยั่งยืน (Sustainable Food) และมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำ - โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture): เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเทคโนโลยีที่น่าสนใจ คือการใช้โดรนเพื่อการเกษตรในการพ่นปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืชเฉพาะจุด การใช้เซ็นเซอร์ IoT ตรวจวัดความชื้นในดินเพื่อให้น้ำอย่างเหมาะสม และการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประเมินสุขภาพพืชและคาดการณ์ผลผลิต ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ไทยวา (TWPC) ใช้เทคโนโลยีและทีมงานนักปฐพีวิทยาพัฒนาโซลูชันทางการเกษตรที่ดีที่สุดให้แก่เกษตรกรกว่า 30,000 รายในเครือข่าย เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสภาพอากาศและปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ
- โปรตีนทางเลือก (Alternative Proteins): ตลาดโปรตีนทางเลือกในไทยมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยคาดการณ์ว่าตลาดโปรตีนจากพืชจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 18.9% ในช่วงปี 2025-2029 และตลาดโปรตีนจากแมลงก็มีศักยภาพสูงเช่นกัน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ได้ลงทุนในสตาร์ทอัพ Aleph Farms ซึ่งเป็นผู้ผลิต Alternative Proteins จากเซลล์ ผ่านแนวทางการทำ Venture Business รูปแบบกองทุน Corporate Venture Capital (CVC)
- เศรษฐกิจหมุนเวียนและพลังงานชีวภาพ: การนำของเสียจากกระบวนการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นโอกาสสำคัญในการลดต้นทุนและสร้างรายได้ใหม่
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: โครงการ "ไข่ไก่รักษ์โลก" ของ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่นำมูลไก่เข้าสู่ระบบ Biogas เพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ในฟาร์ม ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนและลดต้นทุนพลังงานไปพร้อมกัน
- เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture): เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเทคโนโลยีที่น่าสนใจ คือการใช้โดรนเพื่อการเกษตรในการพ่นปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืชเฉพาะจุด การใช้เซ็นเซอร์ IoT ตรวจวัดความชื้นในดินเพื่อให้น้ำอย่างเหมาะสม และการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประเมินสุขภาพพืชและคาดการณ์ผลผลิต ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) มีความพร้อมในเชิง Commercial สูง แต่การนำไปใช้ในวงกว้างยังขึ้นอยู่กับการยอมรับของเกษตรกรรายย่อย ส่วนโปรตีนทางเลือกเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงแต่ก็มีการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาถึงความสามารถในการสร้างแบรนด์และช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัท
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): บริษัทที่ลงทุน (CAPEX) ในเทคโนโลยี Smart Farming หรือโรงงานผลิตโปรตีนทางเลือก จะมีความได้เปรียบในระยะยาว ขณะที่การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อนำของเสียมาใช้เป็นพลังงานจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน (OPEX) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- รายได้ (Revenue): วิเคราะห์สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กลุ่มโปรตีนทางเลือก หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน เป็นต้น การเติบโตของรายได้ส่วนนี้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการปรับตัวและเจาะตลาดใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
- ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX): ตรวจสอบการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการปรับปรุงโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมของบริษัทต่อการเปลี่ยนแปลง
- อัตรากำไร (Margin): เปรียบเทียบอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทกับคู่แข่ง บริษัทที่สามารถจัดการต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบได้ดีกว่าผ่านเทคโนโลยีจะมีอัตรากำไรที่ยั่งยืนกว่า
🎯กลุ่มที่ 2: สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
ความเสี่ยงหลักของกลุ่มนี้มาจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบและผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งหลายประเทศเริ่มมีกฎหมายควบคุมการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง นอกจากนี้ ต้นทุนพลังงานในกระบวนการผลิตและการจัดการของเสียตลอดห่วงโซ่อุปทานยังเป็นความเสี่ยงด้านต้นทุนที่สำคัญ ซึ่งจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีการบังคับใช้ภาษีคาร์บอน - โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน (Sustainable Packaging): โอกาสสำคัญอยู่ที่การพัฒนาและใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติกรีไซเคิล (Post-Consumer Recycled: PCR) พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ง่าย (Design for Recyclability) เป็นต้น
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) กำลังผลักดันโซลูชันเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าหมายให้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ภายในปี 2030
- เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy): การสร้างโมเดลธุรกิจที่นำผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ เช่น ระบบ Refill หรือการนำของเสียจากกระบวนการผลิตกลับมาสร้างมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการลดต้นทุนและสร้างความแตกต่าง
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. เอ.เจ. พลาสท์ (AJ) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาฟิล์มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างฟิล์ม PCR/ PIR และนำเศษพลาสติกกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อลดของเสีย
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. เอ.เจ. พลาสท์ (AJ) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาฟิล์มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างฟิล์ม PCR/ PIR และนำเศษพลาสติกกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อลดของเสีย
- บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน (Sustainable Packaging): โอกาสสำคัญอยู่ที่การพัฒนาและใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติกรีไซเคิล (Post-Consumer Recycled: PCR) พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ง่าย (Design for Recyclability) เป็นต้น
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนกำลังจะกลายเป็นข้อบังคับพื้นฐาน (License to Operate) เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของคู่ค้าที่เป็นแบรนด์ระดับโลกและผู้บริโภคยุคใหม่
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับเปลี่ยนสายการผลิต (CAPEX) เพื่อรองรับวัสดุใหม่อาจมีต้นทุนสูงในช่วงแรก แต่จะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- ต้นทุนขาย (COGS): ติดตามการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนวัตถุดิบจากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพ ซึ่งอาจสูงขึ้นในระยะสั้น แต่มีแนวโน้มลดลงในระยะยาวเมื่อมีการผลิตในปริมาณมาก (Economies of Scale)
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A): พิจารณาค่าใช้จ่ายด้าน R&D ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสัญญาณของการลงทุนเพื่ออนาคต
- รายงานประจำปี/รายงานความยั่งยืน: ตรวจสอบนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและความมุ่งมั่นในการดำเนินงาน โดยข้อมูลเหล่านี้มักจะอยู่ในรายงานประจำปีหรือรายงานความยั่งยืน ไม่ใช่ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
🎯กลุ่มที่ 3: ธุรกิจการเงิน (Financials)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
ภาคการเงินเป็นศูนย์กลางของความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเผชิญทั้งความเสี่ยงในบริบทของธนาคารเอง และความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนของตน หรือก็คือความเสี่ยงในการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทัน ซึ่งอาจกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และความเสี่ยงจากผลกระทบทางกายภาพต่อหลักประกัน (Physical Risk) เช่น โรงงานหรือที่ดินที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องการให้สถาบันการเงินผนวกปัจจัยด้าน ESG เข้าไปในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ
- โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- การเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance): ตลาดตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (ESG Bond) ของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan: SLL) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่าน โดยธนาคารจะให้เงื่อนไขทางการเงินที่ดีขึ้นหากบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ตกลงกันไว้
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) สนับสนุนวงเงินสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan : SLL) ให้แก่ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050
- การบริหารความเสี่ยงพอร์ตสินเชื่อ: โอกาสอีกด้านคือการลดความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อโดยรวม ด้วยการกำหนดนโยบายลดสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ไม่สนับสนุนโครงการถ่านหินใหม่ ควบคู่ไปกับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan)
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ไม่สนับสนุนโครงการถ่านหินใหม่ ควบคู่ไปกับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan)
- การเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance): ตลาดตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (ESG Bond) ของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan: SLL) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่าน โดยธนาคารจะให้เงื่อนไขทางการเงินที่ดีขึ้นหากบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ตกลงกันไว้
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน:
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: ธนาคารที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียว/ความยั่งยืน และประเมินความเสี่ยง ESG ได้อย่างแม่นยำ จะสามารถดึงดูดลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และสร้างการเติบโตจากแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ได้
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนในระบบและบุคลากรเพื่อสร้างขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยง ESG และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน
- รายงานประจำปี/รายงานความยั่งยืน: ตรวจสอบเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing Target) และติดตามความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมาย เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ภายใต้การดำเนินงานของบมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) ทุบสถิติเป้าปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนกว่า 180,000 ล้านบาท (Jan 2023- June 2025) การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการดำเนินกลยุทธ์ของธนาคาร
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- คุณภาพสินทรัพย์ (Asset Quality): วิเคราะห์สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อที่ยั่งยืน (Green/Sustainable Loan Portfolio) เทียบกับสินเชื่อรวม และติดตามแนวโน้ม NPL ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อประเมินว่าธนาคารมีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านได้ดีเพียงใด
- รายได้ค่าธรรมเนียม (Fee Income): ติดตามรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาและจัดจำหน่ายตราสารหนี้สีเขียว เพื่อประเมินความสามารถในการเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: ธนาคารที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียว/ความยั่งยืน และประเมินความเสี่ยง ESG ได้อย่างแม่นยำ จะสามารถดึงดูดลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และสร้างการเติบโตจากแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ได้
🎯กลุ่มที่ 4: สินค้าอุตสาหกรรม (Industrials)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานเป็นกลุ่มที่ใช้พลังงานสูงและปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ปิโตรเคมี และอิเล็กทรอนิกส์ เผชิญแรงกดดันโดยตรงจากคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกและมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป ความเสี่ยงจึงอยู่ที่ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นและความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออก - โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem): นโยบาย 30@30 ของภาครัฐที่ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ของการผลิตทั้งหมดภายในปี 2030 ได้สร้างโอกาสมหาศาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: การลงทุนขนาดใหญ่จากผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกอย่าง Sunwoda และการพัฒนาแบบครบวงจรของผู้เล่นในประเทศอย่าง บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
- เคมีภัณฑ์ชีวภาพและพลาสติกรีไซเคิล: การเปลี่ยนจากวัตถุดิบฟอสซิลไปสู่วัตถุดิบชีวภาพ (Bio-based) หรือวัตถุดิบรีไซเคิล เป็นทิศทางสำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์สินค้าที่ต้องการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC) เดินหน้า Biorefinery ครบวงจร ต่อยอดผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพและพลาสติกชีวภาพ และ บมจ. เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กำลังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีเหล่านี้เช่นกัน
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC) เดินหน้า Biorefinery ครบวงจร ต่อยอดผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพและพลาสติกชีวภาพ และ บมจ. เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กำลังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีเหล่านี้เช่นกัน
- ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem): นโยบาย 30@30 ของภาครัฐที่ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ของการผลิตทั้งหมดภายในปี 2030 ได้สร้างโอกาสมหาศาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน:
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: EV คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นแล้วและไม่สามารถย้อนกลับได้ บริษัทที่สามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปทานนี้จึงมีแนวโน้มการเติบโตสูง ส่วนพลาสติกรีไซเคิลและชีวภาพเป็นตลาดที่กำลังเติบโตตามความต้องการของแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ทั่วโลก
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนสร้างโรงงานผลิต EV และแบตเตอรี่เป็นการลงทุน (CAPEX) ที่มีมูลค่าสูงมากและต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและการแข่งขัน ขณะที่การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน (OPEX) ในระยะยาว
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- การลงทุน (CAPEX): ติดตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น โรงงานแบตเตอรี่ หรือโรงงานปิโตรเคมีชีวภาพ เพื่อประเมินทิศทางกลยุทธ์ของบริษัท
- รายได้ (Revenue): วิเคราะห์สัดส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อประเมินความสามารถในการสร้างการเติบโตจากนวัตกรรม
- อัตรากำไร (Margin): เปรียบเทียบอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ใหม่กับผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม และวิเคราะห์ผลกระทบจากความผันผวนของต้นทุนพลังงานต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
🎯กลุ่มที่ 5: อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
ความเสี่ยงของกลุ่มนี้มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ การปล่อยคาร์บอนสูงจากกระบวนการผลิตวัสดุก่อสร้างต้นน้ำ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์และเหล็ก และการใช้พลังงานในอาคาร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของประเทศ กฎระเบียบด้านมาตรฐานอาคารที่เข้มงวดขึ้นและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นจึงเป็นความเสี่ยงโดยตรง
- โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- วัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ: นวัตกรรมในวัสดุก่อสร้าง
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่ลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตลงได้ กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
- อาคารอัจฉริยะและอาคารเขียว (Smart & Green Building): ตลาดอาคารเขียวในไทยมีแนวโน้มเติบโตสูง จากความต้องการของผู้เช่าที่เป็นบริษัทข้ามชาติและบริษัทที่ใส่ใจ ESG การออกแบบอาคารประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล (LEED, WELL) และการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการพลังงาน (AI-Driven Energy Management) จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์และดึงดูดผู้เช่าที่มีคุณภาพได้
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: ผู้นำตลาดอย่าง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ที่มุ่งพัฒนาโครงการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว ไปจนถึงบ้านเดี่ยวที่ได้รับการรับรอง LEEDs for HOME ที่แรกในอาเซียนโดยเป็นความร่วมมือระหว่าง บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT)
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: ผู้นำตลาดอย่าง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ที่มุ่งพัฒนาโครงการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว ไปจนถึงบ้านเดี่ยวที่ได้รับการรับรอง LEEDs for HOME ที่แรกในอาเซียนโดยเป็นความร่วมมือระหว่าง บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT)
- วัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ: นวัตกรรมในวัสดุก่อสร้าง
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน:
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: อาคารสีเขียว-ประหยัดพลังงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) และค่าเช่าที่สูงกว่าอาคารทั่วไป ส่วนวัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำจะมีความได้เปรียบเชิงต้นทุนอย่างชัดเจนเมื่อมาตรการภาษีคาร์บอนมีผลบังคับใช้
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนสร้างอาคารเขียวอาจมี CAPEX สูงกว่าอาคารทั่วไปเล็กน้อย แต่จะช่วยประหยัด OPEX (โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า) ได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- สินทรัพย์ (Assets): ประเมินมูลค่าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวในพอร์ตของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- หนี้สิน (Liabilities): ตรวจสอบการใช้เครื่องมือทางการเงินด้านความยั่งยืนต่าง ๆ เช่น Green Loan หรือ SLL ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำ
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX): เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายด้านพลังงานต่อตารางเมตรของอาคารเขียวกับอาคารทั่วไป เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน
🎯กลุ่มที่ 6: ทรัพยากร (Resources)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรเป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดและเผชิญแรงกดดันโดยตรงจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือความเสี่ยงที่สินทรัพย์เดิมจะด้อยค่า (Stranded Asset Risk) โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินและแหล่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งอาจไม่สามารถดำเนินงานได้คุ้มค่าตลอดอายุสัมปทานหากนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศมีความเข้มข้นมากขึ้น - โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy): เป็นโอกาสการลงทุนที่ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย (Levelized Cost of Electricity: LCOE) ที่สามารถแข่งขันกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติได้แล้ว
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. บ้านปู (BANPU) และบมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) กำลังขยายพอร์ตการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
- เทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน (Energy Storage): เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะมาปลดล็อกข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตไฟฟ้าได้ไม่สม่ำเสมอ ตลาดระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ในไทยคาดว่าจะเติบโตและต้นทุนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ร่วมกับ GC ในการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Storage System) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เมื่อปี 2020
- เทคโนโลยี CCUS และไฮโดรเจน: เป็นทางเลือกสำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซในระยะยาว แต่ยังมีความท้าทายด้านต้นทุนที่สูงมาก โดยคาดการณ์ว่าต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวในปี 2025 จะยังสูงกว่าไฮโดรเจนสีเทาที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ได้เริ่มโครงการนำร่องด้านการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ในอ่าวไทยแล้ว
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ได้เริ่มโครงการนำร่องด้านการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ในอ่าวไทยแล้ว
- พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy): เป็นโอกาสการลงทุนที่ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย (Levelized Cost of Electricity: LCOE) ที่สามารถแข่งขันกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติได้แล้ว
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน:
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: พลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงานเป็นธุรกิจที่มีความพร้อมเชิงพาณิชย์และมีแนวโน้มเติบโตสูง ขณะที่ CCUS และไฮโดรเจนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและการลงทุนสูง
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโครงการ CCUS เป็นการลงทุน CAPEX ขนาดใหญ่ที่ใช้เวลานานในการคืนทุน ผู้ลงทุนต้องพิจารณาถึงความมั่นคงของสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- โครงสร้างรายได้: วิเคราะห์สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเทียบกับธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อประเมินทิศทางการเปลี่ยนผ่านของบริษัท
- การลงทุน (CAPEX): ตรวจสอบทิศทางงบลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้กลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท
- การด้อยค่าของสินทรัพย์ (Impairment): จับตาความเสี่ยงในการด้อยค่าของสินทรัพย์โรงไฟฟ้าถ่านหินหรือแหล่งก๊าซธรรมชาติในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรสุทธิและส่วนของผู้ถือหุ้น
🎯กลุ่มที่ 7: บริการ (Services)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
ความเสี่ยงของกลุ่มนี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่การใช้พลังงานในกลุ่มโรงแรมและโรงพยาบาล การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ (โดยเฉพาะสายการบิน) ไปจนถึงการจัดการขยะและของเสีย ซึ่งทั้งหมดนี้จะกลายเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม - โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- การท่องเที่ยวและบริการที่ยั่งยืน: โรงแรมที่เน้นการประหยัดพลังงาน การจัดการขยะ และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น จะสามารถสร้างจุดขายใหม่และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงได้
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บริษัทอย่าง บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ได้นำกรอบการดำเนินงาน TCFD มาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบ รวมถึงการนำแนวคิด Green/ Sustainable Hotel& Lifestyles มาผนวกในการดำเนินการของกลุ่มธุรกิจฯ เช่นกัน
- เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel - SAF): SAF คือเชื้อเพลิงที่ผลิตจากวัตถุดิบชีวภาพหรือพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิตได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่องบินทั่วไป แม้ปัจจุบันจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันปกติหลายเท่า แต่ถือเป็นทางออกที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการบิน
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: ตลาด SAF ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 65.5% และไทยตั้งเป้าให้มีการผสม SAF 1% ในน้ำมันอากาศยานภายในปี 2026 ซึ่งสร้างโอกาสให้กับผู้ผลิตอย่าง บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) และ บมจ. ปตท. (PTT)
- โลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics): การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งระยะสุดท้าย (Last-mile delivery) การใช้ AI วางแผนเส้นทางเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง หรือการใช้ EV Truck ในการขนส่งสินค้า
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: การใช้ EV Truck เพื่อขนส่งเมล็ดกาแฟดิบทั่วประเทศที่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ร่วมกับ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) พัฒนาโครงการฯ ขึ้นเพื่อเป็นโอกาสในการลดต้นทุนและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: การใช้ EV Truck เพื่อขนส่งเมล็ดกาแฟดิบทั่วประเทศที่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ร่วมกับ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) พัฒนาโครงการฯ ขึ้นเพื่อเป็นโอกาสในการลดต้นทุนและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว
- การท่องเที่ยวและบริการที่ยั่งยืน: โรงแรมที่เน้นการประหยัดพลังงาน การจัดการขยะ และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น จะสามารถสร้างจุดขายใหม่และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงได้
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน:
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: SAF เป็นทางออกที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการบิน แต่ยังมีความท้าทายด้านต้นทุนและปริมาณการผลิตที่จำกัด ส่วนการปรับปรุงประสิทธิภาพในโรงแรมและโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันทีและให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่า
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนสร้างโรงกลั่น SAF เป็น CAPEX ขนาดใหญ่ ขณะที่การปรับปรุงโรงแรมเพื่อประหยัดพลังงานเป็นการลงทุน CAPEX ที่น้อยกว่าแต่เห็นผลเร็ว ส่วนต้นทุน SAF จะกลายเป็น OPEX ที่สูงขึ้นสำหรับสายการบิน
- รายงานประจำปี/การเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน: มองหาการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาซื้อขาย SAF ล่วงหน้า (Offtake Agreement) ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อความมั่นคงทางรายได้ของผู้ผลิต
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- ต้นทุนการดำเนินงาน (OPEX): วิเคราะห์แนวโน้มต้นทุนเชื้อเพลิงของสายการบิน และต้นทุนพลังงานของโรงแรมและโรงพยาบาล เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
- การลงทุน (CAPEX): ติดตามการลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงแรม หรือการลงทุนในโรงกลั่นเชื้อเพลิงชีวภาพของผู้ผลิตพลังงาน
🎯กลุ่มที่ 8: เทคโนโลยี (Technology)
- ภาพรวมความเสี่ยง (Risk Landscape)
ความเสี่ยงของกลุ่มเทคโนโลยีมาจากการใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล และปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นและความเข้มงวดของกฎระเบียบด้านการจัดการขยะจึงเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง - โอกาสทางธุรกิจและเทคโนโลยี (Business Opportunities and Technology)
- ศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Data Center): การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และการพัฒนาระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการ Data Center เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอนใน Scope 3 ของตนเอง
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: การร่วมมือกันของ บมจ. บีซีพีจี (BCPG) ร่วมกับการโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย พัฒนา Sustainable Data Center ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้งานด้านคลาวด์ภาครัฐและเอกชน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอนาคต นับเป็นการต่อยอดสู่บริการด้าน AI และ ESG Solutions ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้เต็มรูปแบบ
- เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลดคาร์บอน (Enabling Technologies): บทบาทที่สำคัญที่สุดของกลุ่มเทคโนโลยีคือการเป็น "ผู้สนับสนุน(Enabler)" ช่วยให้อุตสาหกรรมอื่นลดการปล่อยก๊าซฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 5G, IoT, AI และ Blockchain ที่นำไปใช้ใน Smart Grid เกษตรแม่นยำ หรือระบบการทวนสอบการลดก๊าซเรือนกระจกแบบดิจิทัล (Digital MRV)
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ไทยคม (THCOM) พัฒนาแพลตฟอร์ม "CarbonWatch" สำหรับประเมินการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่าไม้โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและ AI ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เป็นรายแรกของไทย
- ตัวอย่างที่น่าสนใจ: บมจ. ไทยคม (THCOM) พัฒนาแพลตฟอร์ม "CarbonWatch" สำหรับประเมินการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่าไม้โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและ AI ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เป็นรายแรกของไทย
- ศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Data Center): การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และการพัฒนาระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการ Data Center เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอนใน Scope 3 ของตนเอง
- กรอบการวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน:
- ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ: ธุรกิจที่ให้บริการเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Enabling Technologies) มีโอกาสเติบโตมหาศาล เนื่องจากทุกอุตสาหกรรมล้วนต้องการโซลูชันเหล่านี้เพื่อปรับตัว
- การลงทุน (CAPEX/OPEX): การลงทุนสร้าง Data Center เป็น CAPEX ที่สูงมากและต้องคำนึงถึงต้นทุนพลังงาน (OPEX) ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการดำเนินงานอย่างยิ่ง
- การวิเคราะห์ผ่านงบการเงิน:
- รายได้ (Revenue): มองหาบริษัทที่มีสัดส่วนรายได้จากการขายโซลูชันด้านความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมอื่น ซึ่งเป็นสัญญาณของการเติบโตในตลาดใหม่
- ต้นทุนการดำเนินงาน (OPEX): วิเคราะห์ต้นทุนพลังงานของบริษัท Data Center และแผนการจัดหาพลังงานหมุนเวียน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออัตรากำไรและความเสี่ยงด้านนโยบาย
- ค่าใช้จ่าย R&D: การลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Decarbonization เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว
บทสรุปและกลยุทธ์สำหรับผู้ลงทุน
การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำกำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแนวทางการลงทุนอย่างถาวร ความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในมิติของสิ่งแวดล้อม แต่ได้กลายเป็นปัจจัยทางการเงินที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าของธุรกิจอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน: การวิเคราะห์ปัจจัยด้าน Climate หรือ Decarbonization ต้องถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพิจารณาลงทุนหลัก ไม่ใช่แค่การพิจารณาปัจจัยเสริม และสนับสนุนให้มีการทำ Stress Test พอร์ตการลงทุนภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่าง ๆ (Scenario Analysis) ตลอดจนการใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในการผลักดันให้บริษัทเป้าหมายมีแผนการเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ลงทุน
สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย: การลงทุนในยุคนี้ต้องมองไกลกว่าแค่ตัวเลขทางการเงินในปัจจุบัน ควรตั้งคำถามสำคัญในการวิเคราะห์บริษัท เช่น:
- กลยุทธ์และการกำกับดูแล: บริษัทมีแผนรับมือกับต้นทุนคาร์บอนที่จะเกิดขึ้นจากกฎหมายใหม่อย่างไร? คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงมีความเข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด และมีการกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างไร?
- การลงทุนและนวัตกรรม: บริษัทมีการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อลดคาร์บอนหรือสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ หรือไม่? งบลงทุน (CAPEX) ถูกจัดสรรไปในทิศทางใด?
- การวัดผลและเป้าหมาย: บริษัทมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ (Science-Based Targets) หรือไม่ และมีความคืบหน้าในการดำเนินงานอย่างไร?
การเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและสามารถปรับตัวได้ไว จะช่วยลดความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง และเปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่า ในโลกที่เดินหน้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเต็มรูปแบบ
รายการอ้างอิง (References)
Borghesi, S., & Montini, M. (2023). The Market Stability Reserve in the EU Emissions Trading System: A Critical Review. Annual Review of Resource Economics, 15, 131–152.
Clifford Chance. (2024, June). Singapore Carbon Initiatives: Introduction to Carbon Markets.
Cornago, E. (2025, July 24). The EU Emissions Trading System in a larger EU. Centre for European Reform.
Department of Climate Change and Environment. (2024, June). สรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ..... Ministry of Natural Resources and Environment.
Energy News Center. (2025, July 22). ครม. เห็นชอบภาษีคาร์บอน 200 บาทต่อตันฯ ยืนยันไม่กระทบราคาน้ำมันประชาชน. Energy News Center.
Enviliance. (2025, May 27). Thailand Taxonomy Phase 2.
European Commission. (2025, May 28). Market Stability Reserve under the EU Emissions Trading System to reduce auction volume by 276 million allowances between September 2025 and August 2026.
Infoquest. (2025, January 21). ครม.ไฟเขียวหลักการ "ภาษีคาร์บอน" 200 บาท/ตัน หนุนเศรษฐกิจสีเขียว ยันไม่กระทบราคาน้ำมัน.
Infoquest. (2024, March 21). OR-WICE เซ็น MOU ศึกษาสร้างต้นแบบ “กรีน โลจิสติกส์” ทดลองขนส่งสินค้าระยะไกลด้วย EV Truck. https://www.infoquest.co.th/2024/385441
International Carbon Action Partnership. (2024, May). ETS Detailed Information: Thailand.
Japan Climate Leaders' Partnership. (2022, November 1). JCLP Statement on Growth-oriented Carbon Pricing.
Kasikorn Research Center. (2024, June 18). Thailand plans to levy carbon tax before implementing the Climate Change Act.
Kim, J. (2021). Case Study on the Korean Emissions Trading Scheme. Umweltbundesamt.
Lee, J., & Zin, S. (2022). Korean Power System: Challenges and Opportunities. Lawrence Berkeley National Laboratory.
Ministry of Economy, Trade and Industry. (2023). Growth-oriented Carbon Pricing Scheme.
Ministry of Social and Family Development. (2025). Frequently Asked Questions.
National Center for Climate Change Strategy and International Cooperation. (2025). Carbon Tax.
Nomura Research Institute. (2023). Outline of the GX Promotion Act.
Policy Watch. (2025, May 31). กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา ผ่านทางออนไลน์ 30 วัน. Thai PBS.
Renewable Energy Institute. (2025, June 5). Japan's GX-ETS: Will it be effective?.
The SET ESG Academy. (2025). พ.ร.บ. Climate Change และ Carbon Tax กำลังจะมา ธุรกิจไทยต้องรับมืออย่างไรให้ได้เปรียบ? [Unpublished manuscript].
The Standard. (2025). ไทยเตรียมเก็บ ‘ภาษีคาร์บอน’ 200 บาทต่อตัน เริ่มปี 68 ยันไม่กระทบราคาขายปลีก.
Thai-German Cooperation. (2025). GIZ supports the initiation of Thailand Taxonomy Phase 2.
Thai PBS News. (2025, January 20). ครม.ไฟเขียว “ภาษีคาร์บอน” 200 บาท/ตัน หนุนไทยสู่ Net Zero.
Thai Wah Public Company Limited. (2023). Sustainability Report 2022.
Thai Wah Public Company Limited. (2024). Annual Report 2023 (Form 56-1 One Report).
Thai Wah Public Company Limited. (2024). Sustainability Report 2023.
Tilleke & Gibbins. (2025, March). Thailand’s Draft Climate Change Act: Key Business Considerations.