Topic
EUDR: ทางรอดเกษตรกรไทยและห่วงโซ่อุปทาน ยางพารา ปาล์ม กาแฟ
“ทางรอดผู้ประกอบการไทย เมื่อ EUDR เขย่าห่วงโซ่อุปทานยางพารา ปาล์ม และกาแฟ”
โดย ฝ่ายพัฒนาความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ประเด็นสำคัญที่คุณจะได้จากบทความนี้ (Highlights)
- กฎ EUDR ของสหภาพยุโรปจะเริ่มมีผลบังคับใช้: ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้สินค้ายางพารา ปาล์มน้ำมัน และกาแฟ ต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า และผลิตตามกฎหมายของประเทศต้นทาง
- ต้องมีข้อมูลที่ตรวจสอบได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน: ผู้ส่งออกต้องมีระบบติดตามแหล่งที่มาของสินค้า ส่วนเกษตรกรต้องจัดเก็บข้อมูลพิกัดแปลงและเอกสารสิทธิ์ให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้ผลผลิตถูกปฏิเสธจากตลาดยุโรป
- ภาครัฐมีเครื่องมือช่วยเกษตรกร: เช่น แพลตฟอร์ม Thai Rubber Trade (TRT) สำหรับซื้อ-ขายยางพารา และระบบขึ้นทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร (DOAE) สำหรับปาล์มและกาแฟ
- การเตรียมตัวล่วงหน้าสร้างความได้เปรียบในระยะยาว: การเตรียมข้อมูลให้พร้อมและบริหารจัดการล็อตสินค้าอย่างชัดเจน จะช่วยให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยรักษาโอกาสในการแข่งขันและเข้าถึงตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
กฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป หรือ EU Deforestation-Free Regulation (EUDR) กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานสากลฉบับใหม่ที่จะเริ่มบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเปลี่ยนภูมิทัศน์การค้าสินค้าเกษตรทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ กฎระเบียบนี้จะเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขทางการค้าที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยในห่วงโซ่อุปทานของยางพารา ปาล์มน้ำมัน และกาแฟ ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในข่ายที่ได้รับผลกระทบจึงควรต้องทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมอย่างเร่งด่วน
การบังคับใช้ EUDR สะท้อนถึงแนวโน้มของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Transparency) อย่างจริงจัง และถือเป็นความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันและส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในระยะยาวของประเทศไทย
🔔 บทความที่เกี่ยวข้อง: เจาะลึก EUDR กฎหมายใหม่ EU ที่ธุรกิจไทยต้องรู้เพื่อความยั่งยืน
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะแนวทางสำหรับผู้ประกอบการและเกษตรกรรายย่อย โดยจะวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น และรวบรวมแนวทางปฏิบัติเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้
สาระสำคัญของ EUDR
สิ่งที่ทำให้ EUDR แตกต่างจากมาตรฐานความยั่งยืนที่อุตสาหกรรมเกษตรคุ้นเคยอย่าง Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) และ Forest Stewardship Council (FSC) คือสถานะการเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ (Mandatory Regulation) ซึ่งหมายความว่า การไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าวจะนำไปสู่ผลกระทบทางกฎหมาย ไม่ใช่แค่การเสียโอกาสทางการค้า โดยสาระสำคัญของกฎระเบียบนี้ตั้งอยู่บนหลักการสำคัญ 2 ประการที่ผู้ส่งออกไปยัง EU ต้องพิสูจน์ให้ได้:
- การพิสูจน์ว่า “สินค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายป่า” (Deforestation-Free Proof):
ผู้ส่งออกต้องสามารถแสดงหลักฐานผ่านข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์ (Geolocation Coordinates) ของแปลงเพาะปลูกทุกแปลงที่เป็นแหล่งที่มาของสินค้า เพื่อยืนยันว่าพื้นที่เหล่านั้นไม่ได้เกิดจากการแผ้วถางป่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2020 (นับย้อนไปก่อนหน้าการบังคับใช้กฎหมาย 5 ปีปฏิทิน)
- การพิสูจน์ว่า “การผลิตสินค้านั้นถูกกฎหมาย” (Legally-Produced Proof):
สินค้าต้องถูกผลิตขึ้นภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ของประเทศต้นทาง
ซึ่งผู้ส่งออกต้องรวบรวมเอกสารกระบวนการพิสูจน์ทั้งหมดนี้ ยื่นขอการรับรองผ่านเอกสารที่เรียกว่า Due Diligence Statement (DDS) ต่อระบบของสหภาพยุโรป
ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมเกษตรของไทย
EUDR สร้างผลกระทบที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของห่วงโซ่อุปทาน โดยแรงกดดันจะถูกส่งผ่านจากผู้ส่งออกย้อนกลับไปกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกช่วง จนถึงเกษตรกรผู้เป็นต้นทางการผลิต
- ผู้ส่งออก (Exporters): ในฐานะผู้มีภาระผูกพันทางกฎหมายโดยตรง (Legal Obligation) ต้องเผชิญกับความท้าทายในการลงทุนและพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลจากคู่ค้าจำนวนมาก บริษัทที่ไม่มีความพร้อมในระบบตรวจสอบย้อนกลับนี้จะสูญเสียความสามารถในการส่งออกไปยังตลาด EU ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
- ผู้รวบรวมผลผลิตและโรงงานแปรรูป (Aggregators and Processors): ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เป็นผู้เล่นตรงกลางของห่วงโซ่อุปทาน มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเกษตรกรรายย่อยกับผู้ส่งออกรายใหญ่ เมื่อ EUDR บังคับใช้แล้ว ผู้ประกอบการส่วนนี้ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานจากการรวบรวมผลผลิตตามปริมาณและคุณภาพ มาสู่การเป็นฐานข้อมูลกลางที่รวบรวม ส่งต่อ และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลพิกัดแปลงเพาะปลูกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อุปทาน
- เกษตรกรรายย่อย (Smallholder Farmers): แม้จะไม่มีภาระทางกฎหมายโดยตรง แต่เกษตรกรคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดและต้องปรับตัวมากที่สุด หากผลผลิตทางการเกษตรไม่มีข้อมูลระบุแหล่งที่มาที่ชัดเจน จะถูกจัดว่าเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงและอาจถูกปฏิเสธจากผู้รับซื้อ ดังนั้น การมีข้อมูลที่ดินและข้อมูลแปลงเพาะปลูกที่ถูกต้องจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเข้าถึงตลาดของเกษตรกร
การปรับตัวเพื่ออยู่รอด...ท่ามกลางการแข่งขันในการเป็นคู่ค้ารายสำคัญ
การบังคับใช้กฎระเบียบ EUDR เป็นปัจจัยเร่งให้ภาคการเกษตรของไทยต้องปรับตัวให้เข้าเงื่อนไขตามมาตรฐานสากล ซึ่งอาจมีความท้าทายอยู่มาก
- แนวทางปฏิบัติสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย
- จัดเก็บและเตรียมข้อมูลแปลง: เกษตรกรควรเร่งดำเนินการจัดเก็บข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์ (Geolocation) ของแปลงเพาะปลูกของตนเอง และรวบรวมเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย (Land Rights)
- บริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน: ผู้รวบรวมผลผลิตและผู้ส่งออกควรเร่งพัฒนาระบบการจัดการที่สามารถแยกล็อตของผลผลิต และจดบันทึกการขนส่ง เพื่อให้ทุกชุดของสินค้าสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแปลงเพาะปลูกได้
- ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ: ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ภาครัฐและหน่วยงานสนับสนุนอื่น ๆ พัฒนาขึ้น เพื่อรองรับและยกระดับความพร้อมของข้อมูล
- กลไกสนับสนุนจากภาครัฐ
o สำหรับเกษตรกรยางพารา: การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Thai Rubber Trade (TRT) เพื่อรองรับการซื้อขายยางที่สอดคล้องกับ EUDR โดยเฉพาะ แพลตฟอร์มนี้มีเครื่องมือในการแยกล็อตและตรวจสอบย้อนกลับไปยังสวนยางของเกษตรกร
o สำหรับเกษตรกรปาล์มน้ำมัน: กรมส่งเสริมการเกษตร (DOAE) ได้มีมาตรการเตรียมความพร้อมโดยการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันและพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เข้าข่าย EUDR พร้อมทั้งทำการผูกพิกัดแปลง ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ส่งออกในการจัดทำ DDS
o สำหรับเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟ: แม้จะยังไม่มีแพลตฟอร์มเฉพาะทาง แต่เกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร (DOAE) เพื่อผูกพิกัดแปลงได้เช่นกัน
ความยั่งยืนคือความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ในมุมมองของตลาดทุน บริษัทจดทะเบียนที่มีห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใสและสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบ EUDR ได้ จะถูกมองว่าเป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติของบริษัทชั้นนำไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับของตนเอง แต่คือการทำงานร่วมกับคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน (Supplier Engagement) อย่างใกล้ชิด
บริษัทเหล่านี้เข้าใจดีว่าการตัดคู่ค้าที่ไม่พร้อมออกจากห่วงโซ่อุปทานไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน การร่วมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity Building) ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย คือแนวทางที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งห่วงโซ่อุปทานได้อย่างแท้จริง ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและภูมิสารสนเทศในการเก็บข้อมูลพิกัดแปลง และการช่วยเหลือด้านการจัดการแปลงเพาะปลูกอย่างยั่งยืน การลงทุนในลักษณะนี้ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีและสร้างความภักดีของคู่ค้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการจัดหาวัตถุดิบในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน กฎระเบียบ EUDR ได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรและ MSMEs ที่พร้อมปรับตัว นอกเหนือจากความช่วยเหลือจากภาครัฐแล้ว ปัจจุบันยังมีกลไกสนับสนุนจากภาคเอกชนอีกมากมาย เช่น โครงการสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน (Sustainable Supply Chain Finance) ที่บริษัทขนาดใหญ่ร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อมอบเงื่อนไขทางการเงินที่ดีกว่า (เช่น ดอกเบี้ยกู้ยืมในอัตราต่ำกว่าปกติ) ให้กับคู่ค้าที่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนของบริษัทได้ การเป็นซัพพลายเออร์ที่พร้อมสำหรับ EUDR จึงไม่ได้หมายถึงแค่การรักษาตลาดเดิม แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางการเงินและการสนับสนุนใหม่ ๆ ที่จะช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้
...เวลาสำหรับการเตรียมความพร้อมมีจำกัด การปรับตัวอย่างจริงจังและทันท่วงทีของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยทุกคนในห่วงโซ่อุปทาน จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลก...
References
- European Union. Implementation of the EU Deforestation Regulation
URL: https://green-forum.ec.europa.eu/nature-and-biodiversity/deforestation-regulation-implementation_en
- Center for International Forestry Research (CIFOR). Stoian, 2025. EU Deforestation Regulation (EUDR): Stick, carrot, both, or something else?
URL: https://www.cifor-icraf.org/knowledge/slide/45666/
- RECOFPT.What the EU regulation for deforestation-free products means for communities and smallholders in Asia
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ ขานรับกฎ EUDR จัด Kick Off ซื้อ-ขายยางตรวจสอบย้อนกลับผลผลิต ผ่านแพลตฟอร์ม Thai Rubber Trade ของการยางแห่งประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสร้างเสถียรภาพยางพาราไทยให้แข็งแกร่งตลอดห่วงโซ่. 27 เม.ย. 2567
URL: https://www.moac.go.th/news-preview-461191792450
- กรมส่งเสริมการเกษตร (DOAE). ระบบทะเบียนเกษตรกร (ทบก.).
URL: http://farmer.doae.go.th/
- PwC (PricewaterhouseCoopers). EUDR: New deforestation rules will impact companies globally.
URL: https://www.pwc.com/gx/en/issues/esg/eu-deforestation-regulation.html
- Deloitte. EU Regulation on deforestation-free Regulations
URL: https://www.deloitte.com/nl/en/issues/climate/eudr-eu-deforestation-free-regulation.html
- Boston Consulting Group. Kurth et al., 2024. Facing the nature challenge: Implications of the EU Nature Restoration Law for states and companies.
URL: https://media-publications.bcg.com/Facing-the-nature-challenge.pdf
บทความเพิ่มเติม
📍ทุกเส้นทางมุ่งหน้าสู่ Net Zero: ธุรกิจไทยจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร? 📍ESG ซ่อนอยู่ตรงไหนในงบการเงิน 📍คัดหุ้นนอกยังไง เมื่อสถานการณ์โลกสุดปั่นป่วน |
📍AI ช่วยยกระดับการจัดการข้อมูลด้านความยั่งยืน: เตรียมความพร้อมองค์กรสู่ Net Zero ด้วย ESG Management Platform 📍การเปิดเผยข้อมูลและการทำรายงานด้านความยั่งยืนที่ ‘น่าเชื่อถือ’ กับความเชื่อมั่นในภาคตลาดทุนไทย 📍คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO): จุดเริ่มต้นธุรกิจไทย เตรียมรับมือ EU CBAM และ CSRD |
📍Scope 3 Emissions คืออะไร? แนวทางจัดการสำหรับธุรกิจไทยเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน 📍การดูแลพนักงานไม่ใช่แค่ “ค่าใช้จ่าย” แต่คือการลงทุนใน “สินทรัพย์ที่มีคุณภาพ” 📍(ร่าง) พ.ร.บ. Climate Change, Carbon Tax และ TH-ETS กำลังจะมา: พลิกกฎเกมธุรกิจไทยสู่ความได้เปรียบในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ |
📍Climate Risk และ Scenario Analysis: แนวทางบริหารความเสี่ยงธุรกิจไทย 📍พลิกเกมลงทุน ส่องโอกาสทำกำไรจาก 8 อุตสาหกรรมในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ |
📍EUDR: ทางรอดเกษตรกรไทยและห่วงโซ่อุปทาน ยางพารา ปาล์ม กาแฟ ![]()
|